ศัลยกรรมแปลงเพศจากชายเป็นหญิง

ทำไมต้องศํลยกรรมแปลงเพศที่ Nida Esth

• ความเชี่ยวชาญของศัลยแพทย์ตกแต่ง นายแพทย์ปิยะ รังรักษ์ศิริ ที่มีประสบการณ์ศัลยกรรมแปลงเพศมากว่า 19 ปี
• มีเจ้าหน้าที่วิสัญญีแพทย์ และพยาบาลชั้นนำที่มีประสบการณ์ในการดูแลคนไข้ ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
• หลังทำการศัลยกรรมแปลงเพศคุณจะได้รับการดูแลจากทีมพยาบาลมืออาชีพการดูแลแผลหลังผ่าตัด

คุณสมบัติแบบไหนถึงจะศัลยกรรมแปลงเพศได้

• อายุมากกว่า 18 ปี และหากต่ำกว่า 20 ปีจำเป็นต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง
• ใช้ชีวิตในลักษณะของผู้หญิงมามากกว่า 1 ปี
• ยอมรับและมีความสุขกับคนรอบตัวเมื่อใช้ชีวิตเช่นเดียวกับผู้หญิง
• กินหรือฉีดฮอร์โมนเพศหญิงมามากกว่า 1 ปี
• ได้รับการวินิจฉัยแล้วว่าไม่มีความพึงพอใจในเพศของตนเอง
• ได้รับการประเมินสภาวะจิตใจโดยนักจิตวิทยา ว่ามีความปกติในลักษณะของผู้ที่ต้องการแปลงเพศ

ศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศมีวิธีการอย่างไร

• ในขั้นตอนการแปลงเพศจากชายเป็นหญิง จำเป็นต้องมีขั้นตอนการวางยาสลบ
• ช่องคลอด และปากช่องคลอดจะถูกสร้างขึ้นข้างใต้ทางออกปัสสาวะ และต่อมลูกหมาก โดยการเปิดปากช่องคลอดจะมีขนาดความกว้างโดยประมาณ 1.5-2 นิ้ว
• ผิวองคชาตจะถูกนำมาใช้สร้างผนังช่องคลอด ความลึกของช่องคลอดจะเท่ากับความยาวขององคชาต
• เทคนิคอื่นๆ ในการสร้างช่องคลอด คือการตัดแต่งท่อปัสสาวะของเพศชาย และปรับแต่งเพิ่มเติมให้สามารถปัสสาวะได้ในท่านั่งได้ หากการปรับแต่งไม่ถูกต้องอาจทำให้ทางเดินปัสสาวะไม่ถูกทิศทาง
• ในส่วนการปรับแต่งรูปลักษณะของช่องคลอด แพทย์จะใช้เทคนิคต่างๆ เพื่อตกแต่งให้มีลักษณะของอวัยเพศหญิงโดยใช้ผิวบริเวณอัณฑะ ลูกอัณฑะจะถูกตัดออก ส่วนผิวและเนื้อเยื่อจะถูกใช้ในการสร้างแคมนอก และแคมใน
• อวัยวะเพศหญิงที่ถูกสร้าง จะมีจุดคริตอลิส ที่รับความรู้สึกได้เช่นเดิม
• การผ่าตัดใช้เวลา 3-4 ชั่วโมง
• การพักฟื้นในโรงพยาบาลใช้เวลา 4-5 วัน

การศัลยกรรมแปลงเพศเทคนิคไหนเหมาะกับคุณ

การผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศมีด้วยกันหลายเทคนิคแพทย์และคนไข้จะต้องประเมินความต้องการและความเหมาะสมกับตัวคนไข้เองโดยคำนึงความพึงพอใจและความปลอดภัยเป็นสำคัญ ซึ่งที่ Nida Esht’ พตท.นพ.ปิยะ รังรักษ์ศิริสามารถทำศับยกรรมแปลงเพศได้ทั้ง 3 เทคนิคดังนี้

แบบปกติ (Penile Skin Inversion without Skin Graft)

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ใช้การผ่าตัดน้อยที่สุดในการผ่าตัดศัลยกรรมแปลงเพศ โดยทำการผ่าตัดตั้งแต่บริเวณฐานของอวัยวะเพศชายจนไปถึงบริเวณหัวองคชาติ จากนั้นจะทำการลอกผิวหนังออกจากแกนองคชาติ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแปลงเพศที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางและความยาวของอวัยวะเพศค่อนข้างมากและที่สำคัญผู้เข้ารับการรักษาต้องไม่ได้ขลิบอวัยวะเพศ

แบบใช้ผนังอัณฑะร่วมด้วย(Penile Skin Inversion with Skin Graft)

เทคนิคนี้เป็นเทคนิคที่ใช้กันแพร่หลายสำหรับการแปลงเพศจากชายเป็นหญิงซึ่งมีการใช้การปลูกถ่ายผิวหนังอัณฑะ ปกติแล้วศัลยแพทย์มักจะแนะนำให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดที่มีเนื้อบริเวณองคาชาติไม่เพียงพอที่จะทำการผ่าตัดเข้ารับการผ่าตัดวิธีนี้

แบบต่อลำไส้(Sigmoid Colon Vaginoplasty)

เทคนิคนี้จะใช้ลำไส้ใหญ่ส่วนคดในการผ่าตัดแปลงเพศแทนการใช้การปลูกถ่ายผิวหนังอัณฑะหรือการแปลงเพศแบบปกติ ซึ่งจะทำให้ได้ช่องคลอดที่มีความลึกและมีน้ำหล่อลื่นเสมือนของจริง โดยในขั้นตอนการผ่าตัดจะต้องประกอบไปด้วยศัลยแพทย์ความงามและศัลยแพทย์ลำไส้

ข้อห้ามสำหรับการทำศัลยกรรมแปลงเพศแบบใช้ลำไส้

• ผู้ที่มีประวัติการเป็นมะเร็งลำไส้
• ผู้ที่เป็นโรคลำไส้อักเสบ
• ผู้เคยผ่านการศัลยกรรมใหญ่บริเวณช่วงท้อง
• ผู้ที่สูบบุหรี่
• ผู้ที่เป็นโรคอ้วน (ค่า BMI มากกว่า 30 kg/m2)

ก่อนและหลังศัลยกรรมแปลงเพศต้องปฏิบัติตัวอย่างไร

ควรเริ่มต้นอย่างไร?

• ขั้นตอนแรกคือการทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา 
• แจ้งแพทย์ให้ทราบถึงยาที่แพ้ก่อนการผ่าตัด
• หยุดการรับประทานยาฮอร์โมนก่อนการผ่าตัด 2 สัปดาห์ หรือหยุดฉีดฮอร์โมนก่อน 4 สัปดาห์
• เตรียมตัวพักรักษาตัว 3-4 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
• รับประทานอาหารอ่อน ช่วง 2-3 วันก่อนการผ่าตัด
• เตรียมแผ่นผ้าอนามัยสำหรับใช้หลังการผ่าตัด
• ควรสวมกระโปรงหลวมๆ เพื่อป้องกันแผลเสียดสี
• อาบน้ำให้สะอาดก่อนผ่าตัด เพราะเมื่อผ่าตัดแล้วต้องงดอาบน้ำเป็นเวลา 5 วัน
• โกนขนบริเวณนั้นให้เกลี้ยงก่อนการผ่าตัด
• ในวันผ่าตัด หากป่วย เช่น เป็นไข้ หรือหวัด จำเป็นต้องเลื่อนการผ่าตัดออกไป
• หากกำลังติดเชื้อโรคที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ จำเป็นต้องได้รับการรักษาให้หายก่อนการผ่าตัด เพราะการรักษาการติดเชื้อหลังการผ่าตัดนั้นทำได้ยา

หลังการศัลยกรรม เราสามารถช่วยส่งคุณกลับที่พัก หากคุณต้องการความช่วยเหลือ กรุณาแจ้ง

การปฏิบัติตัวหลังการศัลยกรรม

• ลดอาหารประเภทไฟเบอร์ และเครื่องดื่มที่กระตุ้นการขับถ่ายเป็นเวลา 2 วัน เพื่อลดภาวะเสี่ยงการติดเชื้อ
• ในวันแรก คนไข้อาจเจ็บปวดจากบาดแผลมาก แพทย์จึงมักให้ยาระงับความเจ็บปวดในวันแรก
• ในวันที่ 2-3 วัน ผู้ป่วยก็ยังคงต้องพักผ่อนบนเตียง และควรวางหมอนขั้นไว้ระหว่างขาเพื่อลดการเสียดสีแผล
• ช่องคลอดใหม่ควรได้รับการทำความสะอาดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อ หรือน้ำเกลือเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
• การออกเดินควรทำหลังผ่าน 5 วันไปแล้ว
• ในวันที่ 5 แพทย์จะทำการเปิดแผล และนำสายปัสสาวะออก หลังจากนั้นอาจกลับบ้านได้หากไม่มีภาวะแทรกซ้อนใดๆ หากท่อปัสสาวะตัน การใส่ท่อปัสสาวะต่อก็เป็นสิ่งจำเป็น หากมีการนำผิวบริเวณลูกอัณฑะมาใช้ ในการต่อความยาวช่องคลอด ผิวหนังส่วนนี้จะหายและติดสนิทใน 4 วัน
• เมื่อแกะผ้าพันแผลออกแล้ว ในวันแรกการปัสสาวะออกจะค่อนข้างลำบาก เมื่อนำสายปัสสาวะออกแล้ว แต่คนไข้ยังไม่สามารถปัสสาวะเองได้ ก็จำเป็นต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลต่อ เมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับปัสสาวะคนไข้จะต้องแจ้งแพทย์ทันที ซึ่งอาจจำต้องต้องใช้สายปัสสาวะต่อถึง 1 สัปดาห์
• การทำความสะอาดช่องคลอดด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำเกลือ 2 ครั้งต่อวัน ควรทำหลังจากผ่าตัดมาแล้ว 5 วัน โดยการใช้เบตาดีน หรือเดทตอล 5 ซีซีผสมกับน้ำ 1 ลิตรเพื่อทำความสะอาดวันละ 2 ครั้งเป็นเวลา 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ใช้สำลีชุบเบตาดีนเช่นบริเวณแผล หากยังมีมีเลือดออก ให้ปรึกษาแพทย์ทันที
• ในสัปดาห์แรก อาจต้องใส่ผ้าอนามัย 2-3 แผ่น ต่อวัน
• เพื่อป้องกันการหดตัวของช่องคลอด อาจใช้แท่ง Dilatorใส่ไว้ในช่องคลอดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละครึ่งชั่วโมง หลังจากการผ่าตัดแล้วประมาณ 10 วัน
• งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 2 เดือนหลังการผ่าตัด
• เริ่มกินฮอร์โมน 2 สัปดาห์หลังการผ่าตัด
• หลังการผ่าตัดแปลงเพศ 8 สัปดาห์ ใช้น้ำยาเดทตอลผสมกับน้ำ 1 ลิตร เสปรย์เข้าไปในช่องคลอดทุกวันเพื่อทำความสะอาด

หลังแปลงเพศแล้วจะมีความรู้สึกทางเพศหรือไม่?

หลังการศัลยกรรมแล้ว ผู้ศัลยกรรมผ่าตัดแปลงเพศมักใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น รวมถึงอวัยวะเพศหญิงที่สร้างขึ้นนั้นก็มีลักษณะ และการรับรู้ความรู้สึกเช่นเดียวกับผู้หญิง

ช่องคลอดใหม่นั้นถูกพัฒนามาจากอวัยวะเพศชาย ดังนั้นโครงสร้างของระบบประสาทย่อมต่างออกไปจากเพศหญิง โดยทั่วไปความรู้สึกและสัมผัสจะขึ้นอยู่กับความชำนาญ และเทคนิคการศัลยกรรมของแพทย์ คลิตอริสที่เป็นจุดรับสัมผัสที่ดีที่สดควรจะถูกวางในส่วนบนสุดของทางเปิดของท่อปัสสาวะ ในผู้ผ่าตัดแปลงเพศไม่อาจมีน้ำหล่อลื่นเช่นเดียวกับช่องคลอดของผู้หญิง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เจล หล่อลื่นในการมีเพศสัมพันธ์

ปัญหาแทรกซ้อนหลังการผ่าตัด

แผลแยก

ในส่วนด้านล่างของแผลมีโอกาสแยกได้ รักษาได้ด้วยการทาเบตาดีน ใช้เวล่าประมาณ 1 เดือนในกรณีที่แผลมีการแยกขึ้นแล้ว

ช่องคลอดที่หดตัว

หลังการผ่าตัด ช่องคลอดจะมีความลึกประมาณ 5-6 นิ้ว หลังจากนั้น 4-6 เดือน ความลึกอาจเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 1 นิ้ว ในกรณีที่ช่องคลอดตื้นเกินไป อาจทำการศัลกรรมผ่าตัดเพิ่มเติมใน 6 เดือนข้างหน้า

ปัญหาในการปัสสาวะ

อาจเกิดขึ้นหลังนำสายปัสสาวะออก หรืออาจเกิดท่อปัสสาวะอักเสบ วิธีแก้คือการสายสวนปัสสาวะ 3-7 วันจนกว่าอาการบวมจะหาย

แผลมีเลือดออก

ในช่วง 3-5 วันแรกหลังจากแกะผ้าพันแผลออก อาจมีเลือดออกปนออกมากับปัสสาวะได้ ถ้ามีเลือดออกให้นำแผ่นผ้าอนามัยกดรอยแผลไว้ โดยส่วนใหญ่แล้วเลือดจะหยุดไหลได้เอง